

เกษตรเคมีดีเด่น
Add some info about this item
เคมีเกษตร ไพโรจน์ พ่วงทอง เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำนา จากจังหวัดเพชรบุรี เผยประสบการณ์ซึ่งเคยล้มเหลวล้มลุกคลุกคลานเพราะไม่ได้หาความรู้เหล่านี้ และยังใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณสูง แม้ว่าช่วงแรกจะทำให้ได้ผลผลิตดีมาก แต่ต่อมาแปลงนาที่เคยมีแร่ธาตุในดินก็กลับมีน้ำที่เต็มไปด้วยสารปนเปื้อน จนกลายเป็นดินตาย ปลูกพืชไม่ได้ การทำนาไปไม่รอด จนกระทั่งค้นพบแนวทางใหม่ที่ยึดคำว่า “พอ” และศึกษาจนรู้จักพืช ดิน น้ำ แร่ธาตุ ที่เป็นส่วนประกอบของการเพาะปลูก “ต้องทำแต่พอประมาณ ไม่สุดโต่ง หากคิดว่าลงทุนมากแล้วจะได้กลับมามาก โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อดิน น้ำ ทุนที่ลงก็มีแต่จะจมเท่า ชาวนาต้องลดการใช้สารเคมี และหันมาพึ่งตนเองให้มาก เช่น หันมาเตรียมดิน เตรียมปุ๋ยด้วยตนเองและไม่จ้างแรงงาน” เกษตรกรดีเด่นสาขาทำนา ยังฝากไปถึงภาครัฐว่าต้องเข้ามาช่วยเหลือเรื่องให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน ทุกวันนี้ชาวนาส่วนใหญ่รับจ้างทำนาบนที่ดินคนอื่น อีกทั้งยังเดือดร้อนด้านต้นทุนการผลิต ปุ๋ยเคมีราคาสูง ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว และค่าจ้างแรงงานทำปุ๋ยคอก เก็บเกี่ยวพืช ซึ่งราคาค่าจ้างตอนนี้อยู่ที่ 280 บาท

เกษตรอินทรีย์ดีเด่น
Add some info about this item
ต้นทุนผลิตที่สูง ราคาที่ผันผวน ความเสี่ยงต่อสารพิษตกค้าง เหล่านี้ ทำให้ นายประมาณ สว่างญาติ ชาวนา ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา วัย 52 ปี หันวิถีทำนาเป็นแบบเกษตรอินทรีย์ จนประสบผลสำเร็จ คว้ารางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาทำนา ปี 2557 นายประมาณ สืบทอดการทำนาต่อจากครอบครัว ด้วยต้นทุนผลิตที่สูง ราคาที่ตกต่ำ ความเสี่ยงจากสารพิษ ทำให้ปี 2549 ที่เขาเข้าไปอบรมด้านเกษตรจากส่วนราชการ จึงหันทบทวนการทำนาจากเดิมที่ใช้สารเคมี เปลี่ยนมาทำนาเกษตรอินทรีย์แทน การทำนาอินทรีย์ เรามุ่งให้ความสำคัญการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการฟื้นฟูดิน รักษาแหล่งน้ำ ปฏิเสธใช้ปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืช ใน ระยะแรกที่ทำ ผลตอบรับแง่ปริมาณผลผลิตลดลงเมื่อเทียบกับที่ทำก่อนนั้น แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือต้นทุนการเพาะปลูกลดลง อีกทั้ง สุขภาพที่ดีขึ้น ต่อเมื่อเข้าระบบแล้วสิ่งที่วัดผลได้ก็คือผลผลิตใกล้เคียงกัน แต่ข้อแตกต่างคือราคารับซื้อสูงกว่า เพราะเป็นผลผลิตที่ผ่านการรับรองว่าไม่มีสารพิษ เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว เขาจึงนำความรู้ไปเผยแพร่ให้เกษตรกรได้หันมาใช้เป็นทางเลือก